เพิ่งจะรู้! เว็บไซต์ Ladbible นำเสนอเรื่องราวชวนสะพรึง โดยอ้างอิงจากสำนักข่าว Yomiuri Shimbun ของญี่ปุ่น หลังมหาวิทยาลัยโอซาก้า ออกมาเปิดเผยความจริงว่า โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยเพิ่งค้นพบว่ามีการเดินท่อประปาผิดพลาด นับตั้งแต่เปิดใช้งานมาเกือบ 30 ปี ทำให้ท่อน้ำดื่ม และท่อน้ำของห้องน้ำบางส่วนสลับกัน
จากรายงานระบุว่า พบความผิดพลาดที่ท่อและก๊อกน้ำกว่า 120 จุดในอาคาร ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อท่อผิดพลาดนับตั้งแต่ก่อสร้างโรงพยาบาล และเปิดใช้ในปี 1993 หรือ 28 ปีมาแล้ว ก่อนจะมาทราบความจริงเร็วๆ นี้ โดยทางมหาวิทยาลัยโอซาก้าได้ออกมาเปิดเผยถึงความจริงชวนแหวะนี้เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ที่ผ่านมา
เหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้พบความจริงที่ว่า พนักงานรวมทั้งคนไข้ของ โรงพยาบาล ใช้น้ำจากลำคลองในการดื่ม อาบ บ้วนปาก แทนที่จะเป็นน้ำประปาสะอาด ซึ่งน้ำคลองที่ว่าควรจะใช้ในระบบสุขภัณฑ์ของห้องน้ำเท่านั้น
เพิ่งจะรู้! เรื่องนี้คงไม่ถูกค้นพบ หากทางโรงพยาบาลไม่ได้มีโครงการจะปรับปรุง และสร้างตึกใหม่ เพราะช่างตรวจสอบพบปัญหาท่อประปานี้ระหว่างที่ดำเนินการตรวจสอบโครงสร้างของตึกเดิม
อย่างไรก็ตาม ทางมหาวิทยาลัยโอซาก้าอ้างว่า แม้จะไม่รู้มาก่อนว่าใช้น้ำผิดประเภท แต่ก็มีการตรวจสอบคุณภาพน้ำอยู่เป็นประจำสม่ำเสมอ และไม่เคยพบว่าน้ำที่ใช้มี สี กลิ่น หรือรสชาติผิดปกติแต่อย่างใด รวมทั้งไม่มีรายงานว่าน้ำที่ใช้ในโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย ส่งผลเสียต่อสุขภาพเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ชื่นชมหัวใจ คุณลุงฮีโร่วัย 61 ปี กระโดดช่วยเด็กชาย 9 ขวบ พลัดตกน้ำรอดตายหวุดหวิด
จากกรณีโลกออนไลน์แชร์คลิปเหตุการณ์ คุณลุงคนหนึ่งกระโดดลงไปในคลอง ช่วยเด็กชายวัย 9 ขวบ ที่กำลังดำผุดดำโผล่ใกล้จมน้ำ ในคลองบางตลาด หมู่ 3 อำเภอปากเกร็ดจังหวัดนนทบุรี จนมีคนเข้ามาคอมเมนต์ชื่นชมคุณลุงฮีโร่รายนี้กันเป็นจำนวนมาก
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 9 พ.ย. 64 ผู้สื่อข่าวเดินทางลงพื้นที่เกิดเหตุ พบกับคุณลุงรายนี้ ทราบชื่อคือ นายอาดัม หมัดหนัก อายุ 61 ปี ชาว ต.บางตลาด ซึ่งเป็นบ้านใกล้ริมคลองเกิดเหตุ โดยลุงอาดัม เล่าว่าเมื่อวานตอนสายๆ มีครูในชุมชนเดินมาริมคลอง เห็นเด็กจะจมน้ำ จึงวิ่งมาขอความช่วยเหลือ ตนรีบกระโดดน้ำลงไปช่วยเด็ก สภาพกำลังสำลักน้ำ ตอนนั้นไม่ได้คิด ตั้งใจจะจะช่วยเด็กอย่างเดียว เมื่อช่วยขึ้นมาได้ก็ส่งขึ้นบันไดเหล็กที่ติดอยู่ริมกำแพงคลองได้อย่างปลอดภัย
หลังจากช่วยเด็กขึ้นมาได้ เด็กเล่าว่าพลัดตกลงไปในน้ำ เพราะตอนที่เดินอยู่นั้นหันไปเจองู จึงตกใจถอยหลังหนี แล้วก็พลัดตกลงไปในคลอง
ด้าน นางสาวพันธ์ทิพา แม่ของน้องนิว วัย 9 ขวบ ที่ตกลงไปในคลอง กล่าวว่า ตอนเกิดเหตุตนกำลังจะเดินไปซื้อกับข้าว เห็นลูกตัวเปียก เลยถามว่าไปตกน้ำที่ไหนมา ยังไม่ทันได้ถามไถ่ ก็ไล่ลูกไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวค่อยกลับมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น จนตนไปเจอชาวบ้าน บอกให้ตนไปขอบคุณลุง เพราะลุงได้ช่วยชีวิตลูกเอาไว้
ตอนแรกตนไม่เห็นเหตุการณ์ว่าเป็นอย่างไร จนมาช่วงสายๆ มาเห็นคลิปเต็มๆ เลยมาขอบคุณคุณลุงอีกครั้ง ถ้าไม่ได้ลุง ลูกตนคงจะตายไปแล้ว ลูกบอกกับตนว่าเจองูออกมาจากพุ่มไม้ หลบงูเลยพลาดตกน้ำ ดีที่จังหวะครูเดินมาเห็นเหตุการณ์พอดี จึงไปขอความช่วยเหลือจากลุงที่ยืนอยู่หน้าบ้าน ตนมาเจอลูกอีกทีก็ตอนที่ขึ้นจากน้ำแล้ว โชคดีที่ลูกปลอดภัยไม่เป็นอะไร
ส่วนน้องนิว อายุ 9 ขวบ กล่าวเล่าว่า ตนกับพี่กำลังจะเดินไปดูไก่ในเล้าที่เลี้ยงไว้ เมื่อมาถึงตรงที่เกิดเหตุ เห็นงูเลื้อยอยู่บนทางเดิน ด้วยความกลัว เลยตกลงไปในน้ำ และตนก็ว่ายน้ำไม่เป็น หลังจากนี้ถ้าเจองูจะตั้งสติแล้ววิ่งหนีแทน
คนร้ายคดีข่มขืน หนีกบดานในห้องเช่า ตำรวจตามมาเจอ ชักปืนยิงสู้ ถูกตำรวจวิสามัญดับ
เมื่อเวลา 15.30 น.วะนที่ 9 พ.ย.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชัยพฤกษ์ จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งเหตุยิงกันที่บริเวณด้านหลังห้องเช่า ถนนเกษตรอุดม ต.คลองข่อย อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ้ง รุดตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเช่า อยู่ภายในซอยด้านหลังห้องเช่า พบชายถูกยิงเสียชีวิต 1 ราย เบื้องต้นยังไม่ทราบชื่อ โดยผู้เสียชีวิตเป็นคนร้ายหนีคดีข่มขืน และลักทรัพย์หลายพื้นที่ ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภาค 1 ได้สืบทราบและทำการติดตามตัวจนพบแหล่งกบดาน คนร้ายได้พยายามยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน จึงเกิดเหตุวิสามัญดังกล่าว
ในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่า ผู้ต้องหารายดังกล่าวคือ นายเฉลิม ผู้ต้องหาคดีจี้ชิงทรัพย์ ตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรีที่ 673/2564 ได้หลบหนีมาอยู่ที่บ้านเช่าที่เกิดเหตุ จึงได้ระดมกำลังบุกล้อมจับ แต่เนื่องจากนายเฉลิม ได้ใช้ปืนยิงต่อสู้ออกมาและขัดขืนการจับกุม จำนวน 2 นัด ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกพังประตู โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคนแรกถือโล่เข้าไป ก่อนทางเจ้าหน้าที่ ตำรวจตัดสินใจยิงทำการวิสามัญคนร้าย กระสุนเข้าบริเวณหน้าอกคนร้าย 2 นัด เสียชีวิตทันที
นายเฉลิม ได้ก่อเหตุและมีคดีติดตัวมากกว่า 10 คดี ทั้งลักทรัพย์ ข่มขืน ชิงทรัพย์ ฯลฯ และมีหมายจับในหลายๆพื้นที่ ทั้งในโคราช ลาดหลุมแก้ว และในพื้นที่อื่นๆ ทั้งนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
ด้าน พล.ต.ท.จินพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 กล่าวว่า คนร้ายรายนี้มีคดีติดตัวนับสิบคดี พื้นเพเป็นคนจังหวัดนนทบุรี เคยต้องโทษ 7 คดี ในปี 52 ติดคุก 14 ปี และพ้นโทษออกมาเมื่อกลางปี 63 ส่วนใหญ่คดีเป็นชิงทรัพย์ ข่มขืนกระทำชำเรา ข่มขืนผู้เยาว์ และกักขังหน่วงเหนี่ยว เคยก่อเหตุต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจจนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ
ล่าสุดก่อเหตุในพื้นที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จ.ปทุมธานี และได้หลบหนี จนสืบสวนภูธรภาค1 ออกสืบสวนติดตามตัว ทราบว่ากลับมาพักในพื้นที่ จ.นนทบุรี จึงได้เข้าทำการจับกุมโดยทำการเคาะห้องเรียกผู้ก่อเหตุแต่ไม่มีใครเปิด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้พยายามพังประตูเข้าไป แต่คนร้ายขัดขืนไม่ยอมเปิดประตูให้มีการผลักดันประตูไว้ เมื่อตำรวจเข้าไปในห้องได้คนร้ายใช้ปืนบีบีกัน ดัดแปลง ขนาดกระสุน .380 ยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 2 นัดถูกกำแพง พบปลอกกระสุนตกอยู่ในที่เกิดเหตุ 1 นัด และค้างอยู่ในลำกล้อง 1 นัด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการยิงป้องกันตัว ยิงถูกตนร้ายที่กลางลำตัวทั้ง 2 นัดเสียชีวิต ซึ่งตอนนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบ เนื่องจากเป็นคดีวิสามัญ จึงต้งใช้เจ้าหน้าที่ 4 ฝ่ายเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ คือ พฐ. แพทย์ ฝ่ายปกครองและอัยการ
“ทริปน้ำไม่อาบ” พีคต่อเนื่อง รีสอร์ตโอดไม่น่ารักเลย เอากาน้ำร้อนมาต้มชาบูกินในที่พัก
วันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊กของที่พักแห่งหนึ่งบนภูทับเบิก ในพื้นที่ของ อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ได้โพสต์รูปภาพกาต้มน้ำร้อนที่เต็มไปด้วยเศษอาหาร ไม่ว่าจะเป็นผัก วุ้นเส้น หรือน้ำชุบ ที่เหลือติดอยู่ในกาน้ำร้อน พร้อมระบุข้อความว่า “คุณลูกค้า ไม่น่ารักเลยครับ กาน้ำร้อนเอาไว้ต้มน้ำร้อนเพื่อชงกาแฟ แต่คุณลูกค้าเอาไปต้มมาม่า ใช้ของผิดประเภทนะครับ ของเสียหาย ต้องชำระและชดใช้น่ะครับ”
ชาวเน็ตเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก ถึงพฤติกรรมดังกล่าว บางคนวิจารณ์ถึงขั้นว่า อย่าเอานิสัยที่บ้านมาใช้เพราะส่อถึงสกุล
ต่อมาได้มีชาวเน็ต ขุดคุ้ยจนพบผู้ใช้ TikTok รายหนึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งสมาชิกแก๊งทริป “น้ำไม่อาบ” มีการโพสต์วิดีโอภาพรถซิ่ง ระบุข้อความว่า ทริปน้ำไม่อาบ ญาติระอา รายทางเดียว168 ซึ่งผู้ใช้ TikTok คนเดียวกันนี้ ได้โพสต์วิดีโอขณะพากันกินชาบูรอบดึก โดยใช้กาต้มน้ำร้อนของที่พักมาเป็นภาชนะต้มชาบูกินกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งชาวเน็ตคาดว่า เป็นสถานที่เดียวกัน ยิ่งทำให้ชาวเน็ตและชาว จ.เพชรบูรณ์ รับพฤติกรรมดังกล่าวไม่ได้จริงๆ ufabet